แม้หยดน้ำตาจะรินไหลราวจะขาดใจ พายุจะโหมกระหน่ำจนใจแทบแหลกสลาย
เปรียบดั่งคนที่ยืนอยู่บนหน้าผาเสี่ยงตาย ฉันก็ไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว
เดือดพล่านราวกับจันทราที่อาบด้วยสีเลือด
ลมหายใจจรดถึงปลายคาง
ค่ำคืนที่ความมืดมิดกลืนกินจนหมดสิ้น
หัวใจที่ร้อนรุ่มราวกับครอบครองระเบิดไว้ในมือ
อาจเคยเย็นชาราวกับน้ำแข็งเหมือนไม่รับรู้ความรู้สึกใดๆ
ย่ำบนพื้นดิน เหยียบลงบนพื้นโลก
ไร้เดียงสาเหมือนอย่างคนโง่งม ราวกับถูกคนหลอกลวง
เมื่อฉันได้เก้าเข้าสู่เกมส์นี้แล้ว คงไม่มีอะไรหยุดยั้งได้
เหมือนฉันได้กลับมายังบ้านเก่า
อย่าได้หยุดยอมแพ้ วิ่งออกไปตามแสงสว่าง
อิงอาศัยใต้กาลเวลาที่เป็นนิจนิรันดร์
ไม่มีแล้วผู้หญิงคนเดิม
เริงระบำทั้งวันราวกับเป็นครั้งสุดท้าย
ให้ร่างกายได้บรรเลงเป็นเพลงบทสุดท้าย
เปรียบเป็นบทกวีสุดท้ายของการร่ายระบำ
สูญสลายไปในไฟแห่งความร้อนรุ่ม
ฉันจะจบความลับที่ซ่อนอยู่ในความมืดมิดให้นะ
ลุ่มหลงล่องลอยอยู่ในประสาทสัมผัสทั้งห้า
สูญสลายไปในไฟแห่งความร้อนรุ่ม
ฉันจะจบความลับที่ซ่อนอยู่ในความมืดมิดให้นะ
ฉันจะเชื่อสิ่งที่มีอยู่จริงตรงหน้าเธอ
มาเต้นระบำครั้งสุดท้ายในคืนที่อาบด้วยแสงเหนือกันเถอะ
ลมหายใจที่เหือดแห้ง ปลุกฉันให้ตื่นอีกครั้ง ออกมาร่ายระบำกันนะ
แสงที่ส่องประกายและบรรยากาศรอบๆตัวเรา
พระจันทร์ที่เปลี่ยนเป็นสีเลือดช่างเหมาะกับเสียงบรรเลงของดนตรี
หากรุ่งสางย่ำเข้ามาฉันยืดกาลเวลาพรุ่งนี้ให้ยาวออกไป
มาเต้นระบำให้เท้าลุกเป็นไฟ ให้คืนนี้มันร้อนแรงกว่าที่เคย
ไร้เดียงสาเหมือนอย่างคนโง่งมราวกับถูกคนหลอกลวง
เมื่อฉันได้เก้าเข้าสู่เกมส์นี้แล้วคงไม่มีอะไรหยุดยั้งได้
อาจเคยเย็นชาราวกับน้ำแข็งเหมือนไม่รับรู้ความรู้สึกใดๆ
ย่ำบนพื้นดิน เหยียบลงบนพื้นโลก
เหมือนฉันได้กลับมายังบ้านเก่า
อย่าได้หยุดยอมแพ้ วิ่งออกไปตามแสงสว่าง
อิงอาศัยใต้กาลเวลาที่เป็นนิจนิรันดร์
ไม่มีแล้วผู้หญิงคนเดิม
เริงระบำทั้งวันราวกับเป็นครั้งสุดท้าย
ให้ร่างกายได้บรรเลงเป็นเพลงบทสุดท้าย
เปรียบเป็นบทกวีสุดท้ายของการร่ายระบำ
สูญสลายไปในไฟแห่งความร้อนรุ่ม
ฉันจะจบความลับที่ซ่อนอยู่ในความมืดมิดให้นะ
ลุ่มหลงล่องลอยอยู่ในประสาทสัมผัสทั้งห้า
สูญสลายไปในไฟแห่งความร้อนรุ่ม
ฉันจะจบความลับที่ซ่อนอยู่ในความมืดมิดให้นะ
ฉันจะเชื่อสิ่งที่มีอยู่จริงตรงหน้าเธอ