ที่เขาว่าพรุ่งนี้โลกจะแตกอะนะ
แล้วที่ว่าคงเจอเธอไม่ได้อีก
ประมาณว่าโบกมือลาว่าจะเจอกันใหม่
แล้วไม่เกิดขึ้นจริง
ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้แหละ
ที่เขาว่าพรุ่งนี้โลกจะแตก
ถ้าจริงอย่างว่าล่ะก็
จนกว่าจะถึงเวลานั้น
มาเล่นเพลงที่ชอบกันต่อไปเรื่อยๆเถอะ
ได้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางแสงสลัว
ในสถานที่ๆไม่รู้จักแห่งนี้
ที่นี่คือโลกไม่มีกลางคืน
และเป็นวันที่โลกก็กำลังจะแตกสลาย
ซึ่งวันนั้นแหละ เป็นวันที่ฉันได้เจอกับเธอ
“อยากทำอะไรก็ทำเถอะ”
เธอพูดอย่างนั้น
และจากไปยังสักที่แห่งหนึ่ง
ได้แต่ฟังเสียงเธอไกลออกไปเรื่อยๆ
และแล้วก็ถูกทิ้งไว้ให้อยู่คนเดียว
ในบรรยากาศที่ทุกอย่างหยุดนิ่ง
แล้วก็พลันคิดถึงวันในอดีตที่เคยได้ใช้ชีวิต
เพราะเป็นสิ่งเดียวที่เราทำได้ในโลกที่ใกล้ล่มสลายนี้
ทั้งอดีตที่เจ็บปวดและเลวร้าย
ทั้งท่วงทำนองที่ไม่มีวันลืมนั้น
คงต้องลาจากกันวันนี้สินะ
ในช่วงเวลาที่ได้ขับรถแบบนี้
อะไรๆที่เคยคึกคักตามข้างทางก็ไม่มีอีกแล้ว
พรุ่งนี้ก็คงจะไม่มีแบบวันนี้อีกแล้วสินะ
จะหวังอะไรได้บ้างนะ
จะอธิษฐานอะไรได้บ้างนะ ..
แล้วอยู่ดีๆ ก็ได้ยินท่วงทำนอง
ดังมาจากที่ไหนสักแห่ง
นั่นคือเสียงเปียโน คือเสียงแห่งอดีตนั่นเอง..
คล้ายกับโดนเชื้อเชิญ
คล้ายกับจะเชื่อมต่อแม้กระทั่งลมหายใจ
ท่วงทำนองที่คุ้นหู
มันสั่นคลอนไปข้างในใจ
และชวนให้รำลึกถึงอดีต
ที่ไหลผ่านเข้ามาไม่หยุด
ความทรงจำที่ถูกปิดตายเอาไว้
ถูกรื้อออกมาเพียงแค่ท่วงทำนองนี้
กว่าจะรู้ตัว...เปียโนก็ได้หยุดเล่นไปแล้ว
พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเอง
“มาเล่นไปด้วยกันเถอะ”
แล้วก็พลันคิดถึงวันในอดีตที่เคยได้ใช้ชีวิต
เพราะเป็นสิ่งเดียวที่เราทำได้ในโลกที่ใกล้ล่มสลายนี้
ทั้งอดีตที่เจ็บปวดและเลวร้าย
ทั้งท่วงทำนองที่ไม่มีวันลืมนั้น
มันคือการบอกลาสินะ
ได้เล่นเพลงในทำนองที่ชอบไปด้วยกันแบบนี้
ด้วยกัน 2 คนในโลกที่ไม่มีใครเหลืออยู่อีกแล้ว
เป็นท่วงทำนองที่พวกเราต่างก็คุ้นเคยกับมันซะเหลือเกิน ได้ย้อนคืนกลับมา
ที่เขาว่าพรุ่งนี้โลกจะแตก
ที่เขาว่าพรุ่งนี้โลกจะแตกอะนะ
แต่สมมติว่าถ้าพรุ่งนี้โลกไม่ได้แตกขึ้นมา
แล้ววันพรุ่งนี้ได้มาถึง
นี่ ถ้างั้นพวกเรามาอยู่ด้วยกั…
ก็ว่าไปนั่น